5.28.2012

Review Honda freed ยนตรกรรมที่คุ้มค่า ราคาที่เหมาะสม



Honda Freed
สวัสดีครับ เพื่อนๆชาว oateblog วันนี้ผมจะมารีวิวรถยนต์ยี่ห้อนึงนะครับ คือ Honda รุ่น Freed นั่นเอง
และไม่ต้องกลัวนะครับว่ารีวิว นี้จะเป็น รีวิวนั่งเทียนเขียนเอง เพราะซื้อมาแล้วจร้า haha แต่ยังไม่ได้ถ่ายรูปครับ
ไว้จะมา update ให้แน่นอน
Honda Freed รุ่นนี้ตอนออกมาแรกๆ ตั้งราคามาในราคาที่ค่อนข้างสูง ซึ่งทำให้ ยอดขายไม่ค่อยดี
ตอนหลังจึงต้องมาทำโปรโมชั่นพิเศษ ตัดเหลือแค่รุ่นเดียวตอนนี้คือรุ่น SE ซึ่งรวมสิ่งที่จำเป็น และตัดสิ่งที่แพงๆออกไปทั้งหมด
Honda Freed รุ่น SE ที่ขายปัจจุบัน ขายที่ราคา 820,000 บาท  Feature  ที่ผมชอบที่มีคือ
ประตูไฟฟ้า 2 บาน , บอกระยะทางว่าวิ่งได้อีกกี่ km จะน้ำมันหมด  ,บอกได้ว่า วิ่ง ณ ความเร็ว ขณะนี้ กินน้ำมัน กี่ km/l (แต่มันก็ค่อนข้างจะกินเยอะอยู่เน้อ ถ้าวิ่งเกิน 1400 รอบ / นาที นะครับ
ผมเพิ่งรับรถมาเมื่อวันที่ 26/5 เมื่อวาน 27/5 เพิ่งไปไหว้หลวงพ่อจรัล ที่จังหวัดสิงห์บุรี กินน้ำมันประมาณ 12 km/l บรรทุก ผู้ใหญ่ 3 เด็ก 4 ทารกอีก 1  พอดีๆ
การวิ่งของรถถือว่านิ่ม เหมือนเก๋ง นะครับ สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องตัดสินใจระหว่าง innova กับคันนี้ ก็อาจจะคิดหนักหน่อยนึง
แต่ถ้ารับการกินน้ำมันของ Innova ได้ และ คิดว่ารับการกระเด้งของโชคที่เป็นแบบกระบะ ของ Innova ได้ก็อาจจะไป innova ก็ได้
ครับเพราะว่ากว้างกว่าเหมือนกัน
รถคันนี้เติมโซฮอล 95 นะครับ เต็มถังประมาณ 1350 บาท ตอนเต็มถังมันจะขึ้นว่าวิ่งได้ 500km แต่จริงๆ ก็อาจจะไม่ถึงนะครับ
แต่ผมว่า ใกล้เคียง 1350 บาทน่าจะวิ่งได้ประมาณ 450 km ถ้าเท้าไม่หนัก และวิ่งในเมืองมากนะครับ ตกเฉลี่ยโลละ 3 บาท ถือว่าไม่ถูกและไม่แพงครับ
สำหรับ รถ mini MPV เล็กๆคันนี้
สรุปๆๆ ขอดีผมว่า สำหรับครอบครัวยุคใหม่ ที่อาจจะต้องเดินทาง 5คน เป็นครั้งคราว และหลักๆใช้ในเมืองผมว่าเหมาะ
ที่ชอบมากคือ ประตูไฟฟ้า จอดที่แคบๆได้ ผู้ใหญ่ขึ้นลงสะดวก  และชุดแต่ง ใส่แล้วสวยมากก ถ้าเทียบกับ Honda Jazz ตัว TOP ในราคา 747,000
เพิ่มอีก 73,000 คุณจะได้รถที่มี ประตูไฟฟ้า 2 บาน กะการ บรรทุกครอบครัวเพิ่มได้อีก 3 คน ( ไปรับพ่อแม่ไปกินข้าวเป็นต้น )
ผมว่า Jazz ให้คุณไม่ได้แน่นอน แต่หากเงินถึง ผมว่า Innova ก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่รับช่วงล่างของกระบะได้ และชอบความกว้างขวาง
สำหรับคนที่จะนำมาติดแก๊ส ผมบอกได้เลยครับว่าทำได้ แต่มีช้อยส์เดียวคือคุณต้องเอาที่เก็บยางอะไหล่ออก และติดถังโดนัทแทน
ถังก็มีตั้งแต่ 33 ลิตร จนถึง 52 ลิตร ซึ่งขนาดใหญ่ที่สุดที่ติดแล้วจดทะเบียนกับขนส่งผ่านในตอนนี้คือ 42 ลิตร
ในการติดแก๊สเราจะติดได้แต่ LPG เท่านั้น ( ซึ่งผมก็ว่า LPG มันดีกว่าหนะแหละ  CNG หาเติมยากค่อดๆ ตอนมันขาดแคลนอ่ะนะ )
ข้อเสียของการติดแก๊ส มี 2 อย่าง (ซีเรียสครับ ไม่ใช่มุขว่า ต้องออกไปเที่ยวเหนื่อยมากขึ้น ไม่อาวๆ ^_^ )
1. ยางอะไหล่ไม่มี วิธีแก้
     อาจจะมีคนบอกว่า ตั้งแต่ขับรถมา เปลี่ยนยางกันกี่ครั้งเชียว  ผมตอบครับ 2ครั้งครับ เหนื่อยโคตรๆด้วย  และก็หันไปหาแฟน แล้วเธอหล่ะ  แฟนก็บอก 2ครั้ง
  (เปลี่ยนเองด้วย 555+)  สำหรับ Freed ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นรถครอบครัว แต่ต้องมากังวล กับการไม่มียางอะไหล่ผมว่าเสี่ยงเหมือนกันแหละ แต่ก็มีวิธีแก้นะครับ
 2 วิธี
              1) ใช้สเปรย์กาวเหนียวๆ และหาที่เติมลมยางเอา
              2) พกยางอะไหล่สำรองแบบบางๆ หาซื้อตามเชียงกง 
แต่สำหรับตัวผม รถคันนี้ภรรยาใช้ วิ่งอาทิตย์ละ 3 วัน ครั้งละ 40กิโล ผมเลือกที่จะใช้ โซฮอล์ 95 ครับ ( อ้อ รถรุ่นนี้ เป็นรถที่แบกน้ำหนักจึงจำเป็นต้องใช้ค่า ออคเทน 95 นะครับ
อาจจะใช้ ได้ถึง E20 แต่ เติม 91 ไม่ได้เพราะเครื่องจะน็อค สำหรับ ใครที่คิดอยากจะลองเป็นนักเคมี ผสมๆ E85 ผมว่าไม่คุ้มกับที่อะไหล่สึกหรอครับ เพราะพวก
เอทานอล มีส่วนในการกัดกร่อนพลาสติกอย่างแรงทีเดียว และสำหรับคนที่คิดว่าเติม E20 ได้ จะเอาไปเติม 91 เติมไม่ได้นะครับ เพราะถึงจะเป็น E20 แต่ก็
มีค่า ออคเทน95  เพราะเอทานอลมีค่า ออคเทนสูงกว่า 95ครับ )
2.ติดแกีสแล้ว ไมล์เมย ดิจิตอลจะไปหมดเลย คือต้องบอกก่อนว่า น้องอวบอ้วน เจ้า Freed เนี่ย ไมล์เป็นดิจิตอลทั้งหมด เวลาติดแก๊สแล้ว น้ำมันมันจะดันลดลงๆเรื่อย
ๆเสมือนกับว่ามันใช้น้ำมันอยู่หนะสิครับ ทำให้หลอนได้ ตอนนี้คนในคลับส่วนใหญ่ก็จะ กะ ๆ เอามากกว่า ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าตัวแก้มันแก้ได้หรือยังนะครับ )
สรุปอีกครั้งสำหรับคนที่ชอบรถ mini mpv กึ่งครอบครัว เดินทางไม่เยอะ ขนคน 5-6คนเป็นครั้งคราว เช่นพา พ่อ แม่ และลูกของเราไปกินข้าวด้วยกัน เป็นต้น
ผมว่าน่าใช้มากก
ปล. สำหรับเพื่อนๆที่กลัวเรื่องอะไหล่ ไม่ต้องกลัวครับ เพราะรถเริ่มเยอะแล้ว และที่สำคัญ ที่ญี่ปุ่นฮิตมากครับ ^_^
ขอสรุป mini review Honda Freed ที่ยังมีแต่รูปภาพแค่นี้ก่อนนะครับ ไว้จะหาภาพสวยๆมาให้ชมครับ  :)

5.23.2012

OMD Camera น้องออม กล้องน้องใหม่จาก OLYMPUS ^_^

หากพูดถึงกล้องน้องใหม่ ไฟแรง ที่ยังไม่ได้อยู่ในระดับ Hi-end ช่วงนี้ ( ซึ่งระดับ Hi-end ก็จะมี 5D Mark III ของ Canon แล้วก็ D800 ของ Nikon ) ก็จะมี Fuji X1-Pro และ OMD จาก ค่าย Olympus


ซึ่งสนนค่าตัวมันก็อยู่ ที่ 4 หมื่นกว่าๆ ถ้าไม่ใช่หนุ่มไฮโซ เสกเงินได้ ก็อาจจะต้องดูก่อนใช่มั้ยครับว่า พ่อหนุ่มรูปงามคนนี้มีอะไรดีมั่ง ถึงแพงจัง ( วุ้ย )

วันนี้ผมเอา Review ขำๆจาก Youtube มาให้ดูกันก่อน
ถ้าต้องการอ่าน spec ระเอียดให้ดูที่ Dpreview นะครับ

สำหรับข้อดี ผมขอสรุปดังนี้เลยนะครับ
1.ตัวกล้องมี 2 สี คือสีดำ กับสีเงิน  ข้อดีสุดๆ ของมัน คือ หล่อแน่นอน เพราะผมชอบ ตั้งแต่ดูโฆษณาใน BTS แล้ว อิอิ
2. Focus ไวครับ และก็มีการเลือกจุดสัมผัสด้วย อันนี้ใครที่ใช้ X-100 ของ Fuji เช่นผมเห็นแล้วหงายเงิบ อยากได้ๆๆๆ แน่นอน เพราะว่า ที่ดู preview และ จากการ ถาม User ใน social network พบว่า Focus มันไวมาก
3. ระบบกันน้ำ กัน สะเทือน ทำให้มุมมองในการถ่ายของแต่ละท่านจะเปลี่ยนไปมากขึ้น ผมไปดูในเวปบอร์ดบางแห่ง เอาเจ้าตัวนี้ลงไปถ่ายในสระน้ำกันเลยทีเดียว ( แต่ผมเสียวเว้ย ) และระบบกันสะเทือนที่ หลายๆคน ชมนักชมหนา ( ชิ )  ในการถ่ายที่ Shutter 1/15 ก็ยังไม่สั่น ( ถ้า X-100 มือนิ่งๆตรูก็ทำได้วุ้ย )
4. Resolution ที่ใหญ่ขึ้น ละเอียด ขึ้น  รูปภาพที่ ขนาด fine picture ใหญ่ถึง 11mb เลยทีเดียว ที่ขนาด Resolution 16 ล้าน  ถือว่าใหญ่มากๆ ถ้าเทียบกับ X-100 ( เทคโนโลยีต่างกันประมาณ 1-2 ปี )
5.High ISO สำหรับตัวนี้การคาดหวัง ISO สามารถ คาดหวังใช้งานได้ถึง 6400 เลยทีเดียว ผมแอบไปดูมาแล้วหละเจ๋งใช้ได้

สรุปนะครับ Focus เร็ว หล่อ ถึกลุย ถ้าใครมีเงินสอย ก็แนะนำครับ แต่ของค่อนข้างหายาก ตอนนี้รอกันนานเงิบครับ ไว้จะมา update ภาพให้นะครับ  ^_^